โรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อน ที่ไม่สามารถผลิตหรือหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ออกมาให้เพียงพอที่จะเปลี่นยน้ำตาลที่ร่างกายได้รับจากอาหารพวกแป้งไขมันและโปรตีนให้เกิดเป็นพลังงานที่ใช้ในการเคลื่อนไหวและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่าปกติ ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลสูงมากขึ้นจนเกิดความสามารถของไตที่จะกักเก็บเอาไว้ได้แล้วน้ำตาลส่วนเกินก็จะถูกขับออกมาในปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะหวานเนื่องจากมีน้ำตาลอยู่ด้วย เราเรียกโรคนี้ว่าโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานนี้เป็นโรคเรื้อรัง ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ โดยไม่ได้รักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่อง มักเกิดอัตรายจากโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง โดยอาจเกิดความพิการต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องรู้จักควบคุมรักษาเบาหวานให้ดีตั้งแต่เมื่อรู้ว่าเป็นและต่อเนื่องตลอดไป
สาเหตุ
สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานมีหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งสาเหตุบางอย่างอาจช่วยส่งเสริมให้เกิดการแสดงผลของโรคเบาหวานได้เร็วขึ้น สาเหตุและสิ่งส่งเสริมให้เกิดเบาหวานได้แก่
1. กรรมพันธุ์ - ลูกหลานของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคนี้
2. ความอ้วน พบว่า 60-80 % ของผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นคนอ้วน
3. อายุมากขึ้น โรคเบาหวานมักเป็นกับคนที่อายุเกิน40 ปี ขึ้นไป
4. ความเครียด ทำให้โรคเบาหวานแสดงออกมา
5. เชื้อไวรัส ทำลายเซลล์ของตับอ่อนที่มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน
6. ยาบางชนิด เช่น ยาพวกสเตียรอยด์ ไพริคนิโซโลน ถ้าใช้นานอาจทำให้เกิดโรคเบาหวาน
7. การตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หลายๆ ครั้งมีโอกาสที่จะเป็นโรคเบาหวานได้ง่าย
8. พิษสุราเรื้อรัง ผู้ที่ดื่มสุราจัดและดื่มเป็นประจำทำให้ตับอ่อนเสื่อมสมรรถภาพได้
อาการของโรคเบาหวาน
1. ปัสสาวะบ่อยและมาก
2. กระหายน้ำมากและหิวบ่อย
3. กินจุแต่ผอมลง
4. อ่อนเพลีย ซึม
5. เป็นแผลหรือฝีง่ายแต่รักษายาก
6. ผื่นตามผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณอวัยวะเพศ
8. ตามัว พร่า ต้องเปลี่ยนแว่นตาบ่อยๆ
9. หมดความรู้สึกทางเพศ
10. คลอดบุตรมีน้ำหนักมากกว่า 4 กิโลกรัม
อันตรายจากโรคแทรกซ้อน
โรคแทรกซ้อนของโรคเบาหวานจัดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยจนถึงทุพพลภาพ และเสียชีวิตได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดความพิการต่อผิวหนัง เหงือกและฟัน ระบบประสาท ระบบหัวใจหลอดเลือดและไต นอกจากนี้ทำให้ความต้านทานโรคลดลง หรือ เสียไปอันตรายจากโรคเบาหวาน พอสรุปได้ดังนี้
- มีโอกาสที่นัยน์ตาจะบอดได้ถึง 25 เท่าของคนปกติ
- มีโอกาสเกิดโรคเท่าเน่าต้องตัดขาทิ้งถึง 5 เท่าของคนปกติ
- มีโอกาสเกิดโรคหัวใจขาดเลือดจนกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ถึง 2 เท่าของคนปกติ
ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานที่ได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นโรคใหม่ๆ และ สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติหรือใกล้เคียง จะช่วยยับยั้งหรือลดความรุนแรงของอันตรายจากโรคแทรกซ้อนเหล่านี้ให้ลดน้อยลงได้
การรักษาและการปฏิบัติตนของผู้ป่วยโรคเบาหวาน
สิ่งสำคัญที่สุด คือ การควบคุมให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือใกล้เคียงกล่าวคือไม่สูงหรือต่ำเกินไปโดยอาศัยหลักปฏิบัติที่สำคัญ 7 ประการคือ
1. อาหาร : ระวังอย่ารับประทานมากเกินไป แต่ก็อย่าเว้นระยะห่างของมื้ออาหารนานมากเพราะน้ำตาลในเลือดอาจต่ำได้ ไม่ควรรับประทานน้ำตาล น้ำหวาน หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ควรหลีกเลี่ยงผลไม้หวานๆ อาหารที่มีแป้ง และไขมันมาก รวมทั้งไขมันจากกะทิ ไม่สูบบุหรี่ พยายามรับประทานอาหารที่มีใยหรือกากอาหารมากๆ
2. ยา : รับประทานยาหรือฉีดยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
3. การออกกำลังกาย : ควรกระทำอย่างสม่ำาเสมอ และพอเหมาะกับสภาพร่างกาย
4. เรียนรู้เรื่องโรคเบาหวาน การป้องกันโรคเบาหวาน และโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ตลอดจนอาการที่เกิดขึ้นจากภาวะที่น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงตาย
5. หมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือตา เพราะผู้ป่วยมักมีสุขภาพตาเสื่อมลงเร็ว และ บ่อยกว่าคนปกติทั่วไป และอาจบอดได้ถ้าไม่ระวังรักษาให้ดี
6. รักษาเท้าให้สะอาด อย่าสวมรองเท้าที่คับ ถ้ามีแผลที่เท้าต้องรีบทำการรักษาทันที
7. ควรมีบัตรหรือ สัญลักษณ์แสดงว่าเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน ติดตัวอยู่ประจำ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจนหมดสติ ไปผู้ที่พบเห็นจะได้ทำการช่วยเหลือหรือนำส่งแพทย์ เพื่อรักษาได้ถูกต้องและรวดเร็ว และบางกรณีควรพกน้ำตาลก้อน ท๊อฟฟี่หรือลูกกวาดติดตัวไว้ หากเกิดมีอาการใจสั่น มือสั่น มึนงง วิงเวียนคล้ายจะเป็นลมเหงื่อออกมาก หน้าซีด ซึ่งเป็นอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมากเกินไป จะได้หยิบรับประทานทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น